Last updated: 12 ม.ค. 2566 | 9336 จำนวนผู้เข้าชม |
หน้าเป็น หลุม ทำไงดี ??
เป็นสิวว่าน่าปวดหัวแล้ว แต่รับรองว่าถ้าได้เป็น"หลุมสิว"กลุ้มใจยิ่งกว่า ใครๆก็บอกว่าไม่มีทางหายได้แน่นอน จากเรื่องสิวเล็กๆ กลายเป็นปัญหาใหญ่ที่ไม่ว่าผู้ชาย หรือผู้หญิงก็ต่างกลุ้มใจ แต่รู้หรือไม่ว่า การรักษาหลุมสิวนั้นไม่ได้ยาก และน่ากลัวขนาดนั้น ลองมาเข้าใจหลุมสิวกันซักหน่อย เรียนรู้มันซักนิด แล้วจะรู้ว่า รักษาหลุมสิวง่ายนิดเดียว..
I. รู้ทันสาเหตุ ฟื้นฟูผิว หน้าใสไร้หลุมสิว
หลุมสิว คืออะไร? : หลุมสิวเป็นกระบวนการการรักษาตัวเองของร่างกายหลังจากเกิดบาดแผลหรือการอักเสบ เช่นสิวอักเสบขนาดใหญ่ จะมีทั้งเชื้อแบคทีเรียและหนองอยู่ภายใน การอักเสบของสิวจะทำให้หลั่งเอ็นไซม์ collagenase ออกมาสลายคอลลาเจนและเนื้อเยื่อบริเวณรอบข้าง ทำให้ผิวหนังยุบลงไป ร่างกายจะสร้างพังผืดดึงรั้ง จึงเกิดเป็นหลุมสิวนั่นเอง
ความจริงแล้วทางป้องกันที่ดีที่สุด คือ การพยายามป้องกันไม่ให้ตัวเองมีสิวอักเสบ หรือถ้าเป็นแล้วก็ต้องรีบหาทางรักษาโดยเร็วที่สุด แต่ถ้าเราเจอกันช้าไป จนคุณพลาดไปมีหลุมสิวอยู่บนใบหน้าแล้ว ก็ไม่เป็นไร ค่อย ๆ แก้ไขกันต่อไป..
II. วิธีการรับมือ ปัญหาหลุมสิว
การรักษาหลุมสิว จะถูกแบ่งออกเป็น 3 แบบใหญ่ ๆ คือ
1. การรักษาด้วยการทายา เหมาะสำหรับรักษารอยหลุมตื้น ๆ ซึ่งมักจะเป็นรอยหลุมระดับทั่วไป (Rolling scar) ยาที่นำมาใช้ทำให้ผิวตื้นขึ้นก็จะมีหลายชนิดด้วยกัน เช่นกรดวิตามินเอ, Retin A, TCA , AHA, BHA, PHA เป็นต้น ข้อดีของการใช้ chemical peeling คือสามารถช่วยลดรอยแดง รอยดำได้ ส่วนข้อเสียคือถ้าใช้ความเข้มข้นสูงอาจเกิดการระคายเคือง แสบ แดง คัน หรือด่างขาวได้
2. การรักษาด้วยการรับประทานยา (เป็นยาที่สกัดจากอนุพันธ์ของวิตามินเอ หรือ RETINOIDS)
3. การรักษาด้วยเครื่องมือแพทย์ (เป็นการรักษาที่เหมาะกับผู้ที่มีหลุมสิวขนาดใหญ่มาก จนยาทาและยากินก็ช่วยไม่ไหว หรือแบบ Ice pick scar และ Box scar ซึ่งเป็นการรักษาภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ร่วมกับการทายาและครีมบำรุงร่วมด้วย
II. นวัตกรรมการรักษาหลุมสิว
การรักษาหลุมสิวด้วยเครื่องมือแพทย์โดยหลักการแล้ว จะเป็นการทำลายพังผืดที่ดึงรั้ง กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินซึ่งเป็นกระบวนการซ่อมแซมผิวตามธรรมชาติ ใช้เวลาในการฟื้นฟูมาก-น้อยขึ้นอยู่กับแต่ละเทคโนโลยี และการดูแลตัวเอง ทายา ทาครีมบำรุง ร่วมกับการป้องกันผิวจากแสงแดด โดยหลักๆ นวัตกรรมการรักษาหลุมสิว มีดังนี้
• CO2 Laser เป็นพลังงานสกัดจากคาร์บอนไดออกไซค์ ตัวจับจุดคือน้ำ เป็นการทำลายเผาให้หายไป เป็นการกระตุ้นการสร้างคอลาlจน
ข้อเสีย คือ การที่พลังงานจะเข้าไปถึงจุดที่ต้องการใช้เวลานาน เลยทำให้เกิดรอยดำได้ง่ายในบริเวณรอบๆจุดที่ยิง
ข้อดี คือ รอยหลุมสิวดีขึ้นจริง แต่ทำให้เกิดรอยดำง่าย และใช้เวลาพักฟื้นนาน ประมาณ 2-4 สัปดาห์
• Erbium : YAG Laser ( MCL31 ) เป็นพลังงานที่จับน้ำได้ดีที่สุด เป็นการทำลายเผาให้หายไป พลังงานลงได้ลึกมากๆ สามารถใช้ตัดพังผืดในหลุมสิวที่ลึกมากๆได้
ข้อเสีย คือ ระหว่างทำไม่เจ็บ แต่จะรู้สึกร้อนๆใต้ผิว ประมาณ30นาที - 1ชั่วโมง
ข้อดี คือ รอยหลุมสิวลึกดีขึ้นจริง ใช้เวลาพักฟื้นประมาณ 3-5 วัน
• Tri fractional RF เป็นพลังงานคลื่นวิทยุ RF ไม่ทำให้เกิดรอยดำ เป็นการปล่อยพลังงานรูปแบบพีรามิด ผิวชั้นบนจะไม่ค่อยถูกทำลาย และมีการพัฒนาให้ปล่อยพลังงาน แบ่งเป็น 3 ช่วง ครอบคลุมทั้งผิวหนังชั้นบน เนื้อเยื่อผิว และผิวหนังชั้นลึก ทำให้ช่วยย่นระยะเวลาการฟื้นตัว Downtime ให้สั้นกว่าเดิม สะเก็ดบางกว่า เจ็บน้อยกว่า ใช้เวลาพักฟื้นเพียง 3-5 วัน
• Nano fractional RF (Venus Viva MD) เป็นพลังงานคลื่นวิทยุ RF ไม่ทำให้เกิดรอยดำ เป็นการปล่อยพลังงานรูปแบบพีรามิด ผิวชั้นบนจะไม่ค่อยถูกทำลาย และพิเศษกว่าเดิมตรงที่เข็มและการปล่อยพลังงานมีความเล็กและละเอียดกว่าเดิมมาก จึงทำให้ ณ ปัจจุบัน Viva จึงเป็นนวัตกรรมรักษาหลุมสิวที่ให้สะเก็ดที่เล็กที่สุด สามารถแต่งหน้าได้ทันทีหลังทำ แทบไม่เห็นรอยแดงบนใบหน้าเลย และใช้เวลาพักฟื้นน้อยที่สุด เพียง 2-5 วัน
12 มิ.ย. 2564